รีวิว กล้องวงจรปิดไร้สาย TP-Link รุ่นไหนดี ควรมีติดบ้าน ใช้งานง่าย

หากใครที่กำลังมองหากล้องวงจรปิด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวบ้าน หรืออาคาร รวมไปถึงร้านค้าต่าง ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อประเภทกล้องวงจรปิดแบบไหนดี ที่ให้ความสะดวก ติดตั้งและใช้งานง่าย วันนี้บทความของเราจะมาแนะนำ ‘กล้องวงจรปิดไร้สาย’ TP-Link เพราะเป็นแบรนด์กล้องวงจรปิดที่คุณควรมี ทั้งให้ความปลอดภัย และความสามารถในการบันทึกภาพที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้บางรุ่นสามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ด้วยคุณสมบัติป้องกันน้ำ ป้องกันฝุ่น ดังนั้นเราจะมาแนะนำกล้องวงจรปิดไร้สาย TP-Link ให้คุณได้ทราบพร้อม ๆ กัน

กล้องวงจรปิดไร้สาย TP-Link รุ่นไหนดี

• TP-Link รุ่น C210
• TP-Link รุ่น C200
• TP-Link รุ่น C320WS
• TP-Link รุ่น C310
• TP-Link รุ่น C540-W
• TP-Link รุ่น C540
• TP-Link รุ่น C225
• TP-Link รุ่น VIGI C340
• TP-Link รุ่น C440
• TP-Link รุ่น C440-W

แนะนำ กล้องวงจรปิดไร้สาย TP-Link รุ่นไหนดี ควรมีติดบ้าน

สำหรับกล้องวงจรปิดไร้สาย TP-Link รุ่นไหนดี เราได้ทำการคัดสรรมาทั้ง 10 รุ่น ซึ่งช่วยให้คุณพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อได้เลยว่า จะนำไปใช้ภายในอาคาร หรือภายนอกอาคาร มาพร้อมความสามารถในการตรวจจับความเคลื่อนไหว ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคุณได้อย่างแน่นอน ถ้าหากพร้อมแล้ว มาดูกันเลยว่าจะมีรุ่นอะไรบ้าง

1. TP-Link รุ่น C210

รีวิว: เชื่อมต่อแอปฯมือถือง่าย ใช้งานได้ดี ภาพคมชัด

มาเริ่มต้น กล้องวงจรปิดไร้สาย TP-Link รุ่นไหนดี นั้นก็คือ TP-Link รุ่น C210 ที่มีดีไซน์ทันสมัย มีรูปลักษณ์แบบทรงกลม ขนาดกะทัดรัด สามารถนำไปติดตั้งได้ทุกพื้นที่ภายในบ้าน ช่วยให้เก็บรายละเอียดได้ครบครัน มาพร้อมกับเลนส์กล้อง 3 ล้านพิกเซล ความคมชัดระดับ 2K ซึ่งสามารถบันทึกภาพได้คมชัดทุกรายละเอียด และมีโหมดกลางวัน/กลางคืน โดยตัวเลนส์กล้องจะปรับแสงอัตโนมัติ ทำให้จับภาพได้ชัดทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้คุณสามารถปรับตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ ผ่านแอปฯบนมือถือ เช่น ปรับหมุนมุมมองกล้อง 360 องศา, ดูบันทึกการแจ้งเตือน และดูบันทึกย้อนหลัง เป็นต้น อีกทั้งรองรับระบบสื่อสารแบบ 2 Way ทำให้โต้ตอบกับระหว่างบุคคลผ่านกล้องวงจรปิดได้อีกด้วย 

2. TP-Link รุ่น C200

รีวิว: ภาพบันทึกดูสบายตา ลำโพงและไมโครโฟนเสียงดี ฟังได้ชัดเจน

กล้องวงจรปิดไร้สาย TP-Link รุ่นไหนดี อันดับต่อมากับ TP-Link รุ่น C200 ที่มีดีไซน์ใกล้เคียงกับ C210 ต่างกันเลนส์กล้อง ซึ่ง C200 มีความคมชัด Full HD แต่มีระบบปรับแสงอัตโนมัติ ทำให้คุณสามารถดูภาพบันทึกได้ชัดเจน ภาพไม่แตก ดูสบายตา ทั้งนี้มีระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว และหากผิดปกติจะส่งเสียงสัญญาณดังขึ้น พร้อมส่งข้อความแจ้งเตือนผ่านแอปฯบนมือถือให้คุณทราบทันที นอกจากนี้คุณสามารถใช้งานแอปพลิเคชัน เพื่อดูบันทึกย้อนหลัง ดูข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ รวมไปถึงใช้ระบบสื่อสารกับกล้องวงจรปิดด้วยแอปฯมือถือได้อีกด้วย

3. TP-Link รุ่น C320WS

รีวิว: กันน้ำ กันฝุ่น ใช้งานภายนอกอาคารได้ เชื่อมต่อเสถียร ติดตั้งง่าย

TP-Link รุ่น C320WS เป็นกล้องวงจรปิดไร้สาย มีคุณสมบัติป้องกันน้ำและป้องกันฝุ่น สามารถนำไปติดตั้งใช้งานภายนอกอาคารได้ และเลนส์มีความละเอียด 4 ล้านพิกเซล ความคมชัด 2K ให้ความคมชัดทุกรายละเอียด มาพร้อมเทคโนโลยี Full Color ซึ่งบันทึกภาพสีในเวลากลางวันและกลางคืน และมีระบบ Starlight Night Vision ปรับแสงอัตโนมัติในเวลากลางคืน ช่วยให้บันทึกภาพได้ไกล 30 เมตร และเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน อีกทั้งมีระบบสื่อสารและตรวจจับควมเคลื่อนไหว ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี

4. TP-Link รุ่น C310

รีวิว: ภาพคมชัด เห็นรายละเอียดชัดเจนทั้งกลางและกลางคืน

TP-Link รุ่น C310 เป็นกล้องวงจรปิดไร้สาย แต่จำเป็นต้องใช้สาย Power มาติดกับตัวกล้อง เพื่อเปิด-ปิดการทำงานกล้องวงจรปิด หลังจากนี้สามารถใช้ไร้สายด้วยการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรือแอปฯมือถือ ทำให้ดูการบันทึกระยะไกลได้ นอกจากนี้เลนส์กล้องมีความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ความคมชัด 2K เห็นรายละเอียดได้ชัดเจน มาพร้อมความสามารถในการตรวจจับความเคลื่อนไหว และกล้องจะหมุนตามการเคลื่อนไหวนั้น ๆ ช่วยให้บันทึกภาพแบบไม่คาดสายตาเลยทีเดียว

5. TP-Link รุ่น VIGI C540-W

รีวิว: ติดตั้งง่าย ไม่ยุ่งยาก ควบคุมการทำงานผ่านแอปฯมือถือได้

TP-Link รุ่น C540-W ดีไซน์ทันสมัย มีคุณสมบัติป้องกันน้ำและป้องกันฝุ่น ทนทานต่อน้ำและแสงแดด ทำให้นำไปติดตั้งใช้งานภายนอกอาคารได้ ในส่วนการบันทึกภาพมีความคมชัดมาก เพราะเลนส์กล้องมีความละเอียด 4 ล้านพิกเซล คมชัดระดับ 2K และหมุนมุมกล้องได้ 360 องศาผ่านแอปฯบนมือถือ ช่วยให้คุณบันทึกภาพเก็บรายละเอียดได้ตามจุดที่ต้องการ นอกจากนี้มีระบบติดตามการเคลื่อนไหว โดยตัวกล้องจะหมุนตามการเคลื่อนไหวนั้น ๆ ช่วยป้องกันทรัพย์สินของคุณให้ปลอดภัยได้เป็นอย่างดี

6. TP-Link รุ่น VIGI C540

รีวิว: ใช้งานได้ดี ภาพชัด ติดตั้งภายนอกและภายในอาคารได้

TP-Link รุ่น C540 มีลักษณะดีไซน์เหมือนกับรุ่น C540-W เพียงแต่รุ่นนี้ไม่มีเสารับสัญญาณ แต่ตัวกล้องวงจรปิดมีคุณภาพ โดยมีคุณสมบัติป้องกันน้ำและฝุ่น นำไปใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ทั้งนี้บันทึกภาพทุกการเคลื่อนไหวได้ชัดเจน ด้วยเลนส์ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล คมชัดระดับ 2K มาพร้อมระบบ Smart Detection หากพบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ กล้องจะติดตามการเคลื่อนไหวนั้น ๆ ทันที ช่วยบันทึกรายละเอียดแบบไม่คาดสายตาแน่นอน

7. TP-Link รุ่น C225

รีวิว: ดีไซน์สวย ขนาดเล็ก ติดตั้งจุดไหนก็ได้ภายในห้อง

TP-Link รุ่น C225 ดีไซน์สวย มีรูปลักษณ์แบบทรงกระบอก ดูทันสมัย และเลนส์กล้องมีความละเอียด 4 ล้านพิกเซล ความคมชัด 2K บันทึกภาพชัดได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งนี้สามารถเพิ่มความจุพื้นที่จัดเก็บข้อมูลด้วย SD Card ได้สูงสุด 512GB มาพร้อมระบบความปลอดภัยจัดเต็ม สามารถจับความเคลื่อนไหว พร้อมส่งสัญญาณเสียงไซเรนแจ้งเตือนให้คุณรับมือสถานการณ์ได้ทัน นอกจากนี้มีระบบสื่อสาร โต้ตอบแบบ 2 Way เพียงใช้แอปฯมือถือ ซึ่งรองรับทุกระบบปฏิบัติการอย่าง iOS และ Android

8. TP-Link รุ่น VIGI C340

รีวิว: มีระบบปรับแสงในจุดที่มีแสงน้อย เห็นรายละเอียดได้ชัดขึ้นมาก

TP-Link รุ่น VIGI C340 ดีไซน์ปกติทั่วไป แต่มาพร้อมคุณสมบัติป้องกันน้ำและฝุ่น นำไปใช้งานได้ทั้งภายในและอาคาร ซึ่งเลนส์กล้องมีความละเอียด 4 ล้านพิกเซล ความคมชัดระดับ 2K ทั้งนี้มีระบบเทคโนโลยีอย่าง WDR ช่วยปรับแสงอัตโนมัติในจุดที่มีแสงน้อย และปรับแสงเวลากลางคืน ช่วยให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้มีระบบติดตามการเคลื่อนไหว หากพบเจอสิ่งผิดปกติ จะแจ้งเตือนเป็นรูปแบบข้อความผ่านแอปฯมือถือ ทั้งนี้ยังมีสัญญาณไซเรนดัง ช่วยขับไล่ผู้บุกรุกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งทุกการบันทึกภาพจะเป็นรูปแบบภาพสีอีกด้วย

9. TP-Link รุ่น VIGI C440

รีวิว: บันทึกภาพได้คมชัด ไฟล์ภาพไม่สูงจนเกินไป ประหยัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูล

TP-Link รุ่น C440 ดีไซน์แบบ Turret ให้ความสวยงาม และทันสมัย ซึ่งเลนส์กล้องมีคุณภาพคมชัดในระดับ 2K และมีระบบ Smart Detection ทำงานร่วมกับระบบ AI ทำให้กล้องหมุนตามการเคลื่อนไหวได้ทัน บันทึกภาพเคลื่อนไหวไม่คาดสายตา ทั้งนี้หาก AI พบความผิดปกติ จะส่งสัญญาณเตือนและข้อความเตือนผ่านแอปฯบนมือถือ อีกทั้งมีเทคโนโลยี Smart Coding ช่วยบีบอัดไฟล์ภาพไม่ให้สูงจนเกินไป และไม่ลดคุณภาพของไฟล์ ทำให้ภาพบันทึกยังคงคมชัดเช่นเดิม เพียงแต่ไฟล์เล็กลงเท่านั้น

10. TP-Link รุ่น VIGI C440-W

รีวิว: ดีไซน์สวยงาม ทันสมัยมาก ภาพสวยคม และเสียงชัดเจน

กล้องวงจรปิดไร้สาย TP-Link รุ่นไหนดี อีกรุ่นของเรา TP-Link รุ่น VIGI C440-W มีดีไซน์รูปลักษณ์เหมือนกับรุ่น VIGI C440 เพียงแต่รุ่นนี้ C440-W สามารถใช้งานไร้สาย โดยไม่ต้องใช้เชื่อมต่อ Power ทำให้เชื่อมต่อกับ Wi-Fi 2.4Ghz และควบคุมการใช้งานด้วยแอปฯมือถือได้ทันที ส่วนเรื่องบันทึกภาพสามารถบันทึกภาพได้คมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมทั้งรองรับการโต้ตอบสื่อสารแบบ 2 Way ทำให้สื่อสารกับระหว่างบุคคลผ่านกล้องวงจรปิดได้ อีกทั้งดูบันทึกย้อนหลังได้ตลอดเวลา เดินทางท่องเที่ยวได้อย่างไร้กังวล

วิธีใช้งานกล้องวงจรปิด TP-Link สำหรับทุกรุ่น

การใช้งานกล้องวงจรปิด TP-Link แต่ละรุ่นจะมีวิธีการใช้งานแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทของรุ่นด้วย โดยเฉพาะรุ่น VIGI จะใช้แอปพลิเคชันมือถือต่างจากรุ่นอื่น ๆ ดังนั้นเราจะมาแนะนำวิธีการใช้งานให้คุณทราบพร้อม ๆ กัน ดังนี้

1. สำหรับกล้องวงจรปิด TP-Link ทุกรุ่น สามารถติดตั้งไปใช้งานต้องความต้องการในเก็บรายละเอียด หรือเพิ่มความปลอดภัยตามที่ต้องการ
2. หากรุ่นที่มีคุณสมบัติป้องกันน้ำและฝุ่น สามารถติดตั้งใช้งานภายนอกอาคารได้
3. หลังจากติดตั้งกล้องวงจรปิดเสร็จแล้ว ให้ทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนมือถือ โดยหากเป็นรุ่นที่มี VIGI นั้นแปลว่าต้องใช้แอป “VIGI App” ส่วนรุ่นธรรมดาให้ใช้แอปฯ “Tapo App”
4. เมื่อดาวน์โหลดแอปฯมือถือ ให้ทำการเข้าใช้งาน โดยเลือกกล้องวงจรปิดที่คุณติดตั้ง และปรับตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ เช่น การเชื่อมต่อ มุมกล้อง ระบบแจ้งเตือน เป็นต้น
5. คุณสามารถดูบันทึกย้อนหลัง และสื่อสารผ่านกล้องวงจรปิดด้วยแอปฯมือถือจากระยะไกลได้ตลอดเวลา

บทสรุปทิ้งท้าย กล้องวงจรปิดไร้สาย TP-Link รุ่นไหนดี

สำหรับบทสรุปเลือกซื้อกล้องวงจรปิดไร้สาย TP-Link รุ่นไหนดี เราขอแนะนำ TP-Link รุ่น C210 เพราะเลนส์กล้องมีความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ความคมชัดระดับ 2K บันทึกภาพได้คมชัดทุกรายละเอียด มาพร้อมระบบปรับแสงอัตโนมัติ ทำให้จับภาพได้ชัดทั้งกลางวันและกลางคืน รวมไปถึงระบบ Sensor (ตัวรับรู้) ที่อัจฉริยะ ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติได้ทัน ช่วยป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ใช้งานแอปฯ Tapo App บนมือถือ ทั้งหมุนมุมกล้องได้ 360 องศา ดูบันทึกภาพย้อนหลัง รวมไปถึงสื่อสารด้วยแอปฯมือถือจากระยะไกลได้ตลอด เดินทางท่องเที่ยว หรือไปทำงานนอกสถานที่ไกล ๆ ได้แบบไร้กังวลแน่นอน